ความสำคัญ
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
กำเนิดในลุ่มแม่น้ำสองสาย คือ ไทกริสและยูเฟรติส เป็นแหล่งอารยธรรมแรกของโลก เมื่อประมาณ 3500 ปี ก่อนคริตศักราชมีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลมผืนใหญ่ทอดโค้งจากฝั่งทะเลด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจรดอ่าวเปอร์เซียจึงมีสมญานามว่า “ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์”ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทำให้ชนเผ่าต่างๆ เข้ามาตั้งถิ่นฐานมาก
ชนเผ่าสุเมเรียน
เป็นชนเผ่าแรกที่เข้าครอบครอง และทำการก่อสร้างระบบชลประทานเป็นชาติแรก สังคมของสุเมเรียนยกย่อง เกรงกลัวเทพเจ้า นิยมก่อสร้างศาสนสถานเรียกว่า “ซิกกูแรต” สร้างด้วยอิฐตากแห้งชาวสุเมเรียน เป็นกลุ่มแรกที่ประดิษฐ์อักษร ได้แก่ อักษรลิ่ม หรือ “คูนิฟอร์ม” cuneiform นักประวัติศาสตร์จึงนับเอาเป็นเกณฑ์ในการแบ่งยุคประวัติศาสตร์
ชนเผ่าอามอไรต์
ชาวอามอไรต์ Amorite ได้ตั้ง อาณาจักรบาบิโลเนีย Babylonia ขึ้นมา การปกครองแบบรวมศูนย์ การจัดเก็บภาษี การเกณฑ์ทหารสมัยพระเจ้าฮัมมูราบี ( 1792-1745 B.C.) ได้มี “ประมวลกฎหมายฮัมมุราบี” เป็นลายลักษณ์อักษร จารึกแผ่นศิลา ยึดถือหลัก ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในการลงโทษ
ชนเผ่าฮิตไทต์
เข้ายึดครองแทนในดินแดนแถบนี้ เมื่อ 1590 B.C.เป็นชนโบราณที่พูดภาษาตระกูลอินโดและก่อตั้งอาณาจักรที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ฮัตทูซาก็รุ่งเรืองถึงจุดสูงสุดโดยอาณาบริเวณที่ครอบคลุมตอนกลางของอานาโตเลีย ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียไปจนจรดอูการิต (Ugarit) และตอนเหนือของงเมโสโปเตเมีย
ชนเผ่าคัสไซต์
อพยพมาจาก เทือกเขาซากรอส เข้าครอบครองต่อ และมีอายุยาวนานต่อเนื่องกว่า 400 ปี เป็น
ชนเผ่าอัสซีเรีย
พวกอัสซีเรียน ได้เข้ายึดครองกรุงบาบิโลน มีศูนย์กลางที่ นิเนเวห์ ตั้งจักรวรรดิอัสซีเรีย Assyrianสมัยพระเจ้าอัสชูร์บานิปาล 668-629 B.C. อัสซีเรียมีความเจริญขีดสุด
ชนเผ่าคาลเดีย
เผ่าคาลเดียน Chaldean เข้ายึดครองนิเนเวห์สำเร็จ สถาปนากรุงบาบิโลนขึ้นใหม่สมัยพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ 605-562 B.C. สามารถตีเยรูซาเลม และกวาดต้นเชลยมาเป็นจำนวนมาก ได้สร้าง “สวนลอยแห่งบาบิโลน” Hanging Gardens of Babylonชาวคาลเดียน เป็นชาติแรกที่นำเอาความรู้ด้านดาราศาสตร์มาพยากรณ์โชคชะตามนุษย์ และยังสามารถคำนวณด้านดาราศาสตร์ได้อย่างแม่นยำ
พระเจ้าไซรัสมหาราช แห่งเปอร์เซีย
เข้ายึดครอง และผนวกเข้ากับจักรวรรดิ์เปอร์เซีย ทำให้ประวัติศาสตร์แถบเมโสโปเตเมียสิ้นสุดลง
เข้ายึดครอง และผนวกเข้ากับจักรวรรดิ์เปอร์เซีย ทำให้ประวัติศาสตร์แถบเมโสโปเตเมียสิ้นสุดลง
ชนชาติอื่นในเอเชียไมเนอร์ ดินแดนที่อยู่ระหว่าง ทะเลดำ กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ฟินิเชียน
เชี่ยวชาญในการเดินเรือทะเล มีเมืองท่าคือ ไทร์ และไซดอน ค้าขายจนถึงตอนเหนือแอฟริกา (เมืองคาร์เทจ Carthage)จากการเปิดกว้างของวัฒนธรรม ทำให้ชาวฟินิเชียนดัดแปลงตัวอักษร เฮียราติก และคูนิฟอร์ม มาเป็น “อัลฟาเบต” Alphabet ต่อมากลายเป็นต้นแบบของภาษากรีก ละติน ชาติตะวันตก และตะวันออก อื่น ๆ ด้วย
ฮีบรู
ถูกจับเป็นทาสที่อียิปต์ ต่อมา “โมเสส” เป็นผู้ช่วยปลดแอก แล้วอพยพไปตั้งถิ่นฐานที่ปาเลสไตน์ Canaanเนื่องจากเป็นชาติที่ไม่เข้มแข็งเรื่องการทหาร จึงถูกชนเผ่าอื่นครอบครองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเกิดเป็นประเทศอิสระ ชื่อว่า “อิสราเอล”มรดกตกทอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้แก่ “คัมภีร์ไบเบิ้ล” ถือเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของโลก รวมไปจนถึง
การเป็นต้นกำเนินศาสนาคริสต์ และอิสลาม
เรื่องย่อ
เรื่องราวของสองมหาบุรุษแห่งอาณาจักรอียิปต์ ที่เติบโตมาด้วยกันจนเป็นเหมือนพี่น้องต่างสายเลือด “โมเสส” ชายผู้สืบเชื้อสายมาจากชาวอิสราเอล อดีตเด็กชายที่ถูกเก็บมาเลี้ยงจากริมแม่น้ำไนท์โดยพระธิดาฟาโรห์ และ “ราเมเสส” ผู้สืบเชื้อสายมาจากฟาโรห์แห่งอียิปต์โดยตรงภายใต้ยุคสมัยที่อียิปต์เรืองอำนาจ ชาวยิวมากมายตกเป็นทาสและถูกข่มเหงกดขี่มากว่า 400 ปี “โมเสส” บุรุษผู้ไม่เคยลืมสายเลือดของตัวเอง ได้รู้ความจริงถึงการกำเนิดของตนเองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคำทำนายที่จะนำไปสู่การปลดปล่อยชาวยิวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด โดยคำบัญชาของพระเจ้าโมเสสจำเป็นต้องช่วยเหลือชาวยิวทั้งหมดออกจากอียิปต์ไปยังดินแดนคันนาอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนั่นไม่ต่างจากการทรยศบ้านเกิดที่เขาเติบโตมา เรื่องราวนำไปสู่ความขัดแย้งและการต่อสู้ของสองบุรุษที่เคยสนิทสนมกันเช่นพี่น้องทูยา (Tuya)สงครามการต่อสู้เกิดขึ้น แต่โมเสสไม่ได้ต่อสู้กับกองทัพอันยิ่งใหญ่ของอียิปต์อยู่เพียงลำพังเท่านั้น เมื่อพระเจ้าอยู่เคียงข้างเขา และนั่นนำมาสู่ภัยพิบัติต่างๆ แก่ชาวอียิปต์ ไม่ว่าจะเป็นพายุลูกเห็บ แม่น้ำสีเลือด รวมไปถึงคลื่นยักษ์ จากทะเลแหวก ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาที่โมเสสจะต้องนำพาชาวยิวให้รอดพ้นจากการตามล่าของเหล่าทหาร เอ็กโซดัส ก็อดส์ แอนด์ คิงส์
ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนถึง ความเชือเกียวกับพระเจ้าทีต่างกันระหว่างโมเสสกับ“ราเมเสส สะท้อนถึงอารยรรมของอียิปต์ในการใช้ชีวิตในแม่น้ำไนล์และการที่ชาวอียิปต์จับชาวยิวมาเป็นทาศแสดงถึง ความโหดร้ายของอียิปต์ต่อชาวยิว และสิ่งก่อสร้างของอียีปต์ที่เจรีญและอารยะรรมของชาวเมโสที่อยู่อย่างชนบทใช้ชีวิตอยู่รวมกับธรรมชาติพระเจ้าที่ชีทางโมเสสนำทางชาวยิวข้ามทะเลแดงสู่บ้านนั้น คือพระเจ้าจะช่ายเหลือคนดีและลงโทษคนไม่ดี
อารยธรรมอียิปต์
อารยธรรมที่มีความยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลกที่มีถิ่นกำเนิดในดินแดนใกล้เคียงกับอารยธรรมเมโสโปเตเมีย คือ อารยธรรมอียิปต์ อารยธรรมอียิปต์เป็นอารยธรรมที่รู้จักกันอย่างกว้างขว้างและมีผลต่อพัฒนาการทางความคิดในหลายๆ ด้าน เนื่องจากมีมรดกทางสถาปัตยกรรม เช่น ปิรามิดและแนวความคิดและความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาและปรัชญาอีกด้วย อียิปต์โปราณตั้งอยู่ระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออก โลกตะวันตกคือดินแดนที่อยู่รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนโลกตะวันออก ได้แก่ ดินแดนเมโสโปเตเมียและดินแดนในแถบลุ่มแม้น้ำสินธุ ทิศเหนือของอียิปต์จรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทิศตะวันตกติดกับทะเลทรายซาฮารา ทะเลทรายลิเบีย และทะเลทรายนูเบียทางทิศตะวันออก ถัดไปคือ ทะเลแดง ทิศใต้จรดประเทศนูเบียหรือซูดานในปัจจุบัน อียิปต์เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากมีพื้นที่ตั้งอยู่บนสองฟากฝั่งแม่น้ำไนล์ แม่น้ำไนล์มีลักษณะที่ต่างไปจากแม่น้ำอื่นๆ คือ ทอดตัวไหลจากภูเขาทางตอนใต้ลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนเหนือ มีผลต่อการดำเนินชีวิตของชาวอียิปต์โบราณ มีนคือเส้นทางคมนาคมสายหลักและเป็นเสมือนเข็มทิศในการเดินทาง โดยใช้ร่วมกับทิศทางการขึ้นและตกของดาวอาทิตย์ ชาวอียิปต์แบ่งช่วงแม่น้ำไนล์เป็น 2 ช่วง คือ ต้นน้ำทางตอนใต้เรียกว่า “อียิปต์บน” (Upper Egypt) และปลายแม่น้ำในดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำทางเหนือว่า “อียิปต์ล่าง” (Lower Egypt)
ยุคราชวงศ์เริ่มแรก อยู่ในช่วง 3100-2686 ปีก่อนคริสตกาล โดยเริ่มตั้งแต่พระเจ้าเมเนส รวบรวมเมืองต่างๆ ได้ทั้งในอียิปต์ล้างและอียิปต์บนเข้าเป็นอาณาจักรเดียวกัน และเข้าสู่ราชวงศ์ที่ 1 และ 2 ยุคนี้เป็นยุคการสร้างอียิปต์ให้มีความเป็นปึกแผ่นเข็มแข็ง ยุคราชวงศ์เก่า อยู่ในช่วง 2686-2181 ก่อนคริสตกาล โดยเริ่มจากราชวงศ์ที่ 3 อียิปต์ประสบความวุ่นวายทางการเมือง มีการย้ายเมืองหลวงไปตามเมืองต่างๆ แต่หลังจากนั้นก็มีราชวงศ์อียิปต์ปกครองต่อมาอีก 2 ราชวงศ์ คือ ราชวงษ์ที่ 9 และ 10 ในยุคนี้อียิปต์มีฟาโรห์ปกครองเริ่มตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 3 ถึงราชวงศ์ที่ 6 ราชวงศ์ที่โดดเด่นในสมัยนี้คือ ราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งมีการสร้างปิรามิดที่ยิ่งใหญ่มากมายโดยเฉพาะมหาปิรามิดของฟาโรห์คูฟูที่เมืองเซห์ ซึ่งสร้างขึ้นประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสตกาล อียิปต์ในยุคนี้ถือว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่ง และการสร้างสรรค์ความเจริญในยุคนี้ได้เป็นรากฐานและแบบแผนของความเจริญของอียิปต์ในสมัยราชวงศ์ต่อๆ มา
เรื่องย่อ
หนังเกิดขึ้นในสมัยอียิปต์ปี 1290 ก่อนคริสศักราช เมื่อ นักบวชอิมโฮเทป(Imhotep) มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับสนมอนัคซูนามุน ( Anck Su Namun)ของฟาโรห์เซติที่1 เมื่อความลับเปิดเผยทั้งสองจึงร่วมมือกันสังหารฟาโรห์ จากนั้นอนัคซูนามุนก็ฆ่าตัวตายโดยหวังไว้ว่าอิปโฮเทปจะชุบชีวิตนางคืน หลังจากการฟังศพของอนัคซูนามุน อิปโฮเทปก็ได้ขโมยศพของนางไป ทั้งเขาและลูกน้องนักบวชหนีข้ามทะเลทรายไปที่ฮามันพัตราและพวกเขาได้เริ่ม ต้นพิธีชุบชีวิตของนางอนัคซูนามุนแต่พวกเขาถูกทหารองค์รักษ์ของฟาโรห์เซติขัดขวางก่อน ที่พิธีจะเสร็จ และด้วยความผิดนักบวชและอิปโฮเทปก็ถูกทำให้กลายเป็นมัมมี่ทั้งเป็นและถูกสาปไม่ให้ไปผุดไปเกิด พร้อมฝังด้วงกินเนื้อ เขาถูกฝังในโลงหินใต้รูปปั้นของเทพอนูบิส การดูแลอยู่ภายใต้ทหารผู้มีเชื้อสายขององครักษ์ฟาโรห์เซติ แต่ถ้าอิมโฮเทปคืนชีพอีกครั้งจะทำให้เขาเป็นอมตะ และจะปลดปล่อยสิ่งชั่วร้ายออกมา ทำลายล้างโลก
ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนถึง
ความเชื่อของอียิปต์เกี่ยวกับชีวิตหลังความตายในหนังได้กล่าวถึงเทพแห่งความตายนั้นคืออนูบิสและความเชือเกียวกับแมวที่ปกป้องบ้านจากสี่งชั่วร้ายและปีศาจ และการทำมัมมี่กับคนที่ทำผิดโดยการ ตัดลิ้น ด้วงกินศพ และ สาป และในหนังเรืองนี้ทำให้ได้เห็นคนสมัยอียิปต์โบราณทำกลไกรทีคอยลงโทษคนที่และหลุมศพ แสดงว่า คน สมัยนั้นรู้จักประดิษกลไกรต่างๆ
อารยธรรมของกรีก
อารยธรรมกรีกที่เป็นมรดกตกทอดมาถึงปัจจุบันนี้ประกอบด้วยอารยธรรมหลัก 2 ส่วน อารยธรรมของชาวกรีกโบราณหรืออารยธรรมเฮลเลนิกและ อารยธรรมเฮลเลนิสติกซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กรีกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิมาซิโดเนีย (Macedonia) และเป็นอารยธรรมที่ผสมผสานกับความเจริญที่รับจากดินแดนรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปัจจัยที่สำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดอารยธรรมกรีกโดยรวม คือ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ชาวกรีกโบราณ และระบอบนครรัฐกรีกชาวกรีกโบราณ ชาวกรีกโบราณเรียกตัวเองว่า “เฮลลีน” (Hellene) เป็นพวกอินโด-ยูโรเปียนกลุ่มหนึ่งที่อพยพมาจากทางตอนเหนือของประเทศกรีซปัจจุบันเมื่อประมาณ 2000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในระยะแรก กระจายอยู่เป็นเผ่าต่างๆ ในคาบสมุทรบอลข่านและเขตทะเลอีเจียน ที่สำคัญได้แก่ พวกไอโอเนียน (Ionians) และพวกไมซีเนียน (Mycenaeans) โดยทั่วไปชาวกรีกโบราณประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเดินเรือ ต่อมาเผ่าที่มีความเจริญได้ขยายอำนาจและก่อตั้งเป็นนครรัฐ ที่สำคัญได้แก่นครรัฐของพวกไมซีเนียนซึ่งยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ และมีอำนาจสูงสุดประมาณปี 1600-1100 ก่อนคริสต์ศักราช โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองไมซีเนทางตอนใต้ของประเทศกรีซในปัจจุบัน พวกไมซีเนียนเป็นนักรบที่มีความเก่งกล้าสามารถยึดครองดินแดนของนครรัฐอื่นๆ รวมทั้งเกาะครีต และรับอิทธิพลของอารยธรรมต่างๆ โดยเฉพาะอารยธรรมไมนวนของชาวเกาะครีต ศิลปกรรม ความเจริญด้านศิลปกรรมเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของอารยธรรมกรีกซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบของงานศิลปกรรมของโลก ส่วนใหญ่เป็นงานสร้างสรรค์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความศรัทธาทางศาสนา โดยสร้างขึ้นเพื่อแสดงความเคารพบูชาและบวงสรวงเทพเจ้าของตน ผลงานที่ได้รับการยกย่องมีจำนวนมากที่สำคัญได้แก่ ด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และศิลปะการแสดงด้านสถาปัตยกรรม ชาวเอเธนส์ได้สร้างสรรค์งานด้านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นให้แก่ชาวโลกจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างอาคารเพื่อกิจกรรมสาธารณะ เช่น วิหาร สนามกีฬา และโรงละคร ความโดดเด่นของงานสถาปัตยกรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับความใหญ่โตของสิ่งก่อสร้าง แต่เป็นความงดงามของสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น วิหารพาร์เทนอน (Parthenon) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาอะโครโพลิส (Acropolis) เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีสัดส่วนงดงามทั้งความยาว ความกวว้างและความสูง จัดว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของโลก เทพโอลิมปัสเป็นเทพที่อาศัยบนยอดเขาโอลิมปัส (Olympus) มีทั้งหมด 12 องค์ แต่ถ้านับอย่างถี่ถ้วนจะมีทั้งสิ้น 16 องค์
เรื่องย่อ
เหล่าทวยเทพกำลังสูญเสียพลังอำนาจ อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาทุกขณะ ความเชื่อที่ว่าเหล่าไททันส์จะถูกจองจำอยู่ในคุกทาทารัสตลอดไปนั้นไม่เป็นจริงอีกต่อไป ตอนนี้พวกมันกำลังจะเป็นอิสระ เพื่อสร้างความโกลาหลให้เกิดวันโลกาวินาศ สร้างความหวั่นใจให้กับเหล่าเทพทั้งหลาย เทพซีอุสบิดาแท้ๆของเพอร์ซีอุสขอให้เพอร์ซีอุซเข้าช่วยเพราะความเดือดร้อนนี้ไม่ได้บังเกิดแค่กับเหล่าทวยเทพเท่านั้น โลกมนุษย์อาจถึงกาลอวสาน ร้อนมือถึงเพอร์ซีอุสที่ต้องปกป้องและโค่นไททันส์ให้สำเร็จจงได้ หลังจากใช้ชีวิตเป็นชาวประมงอย่างเงียบสงบมาอย่างยาวนานหลายปี เรื่องสิ่ง ขอบเขตนี้ตกว่า Wrath of The Titans ทศศักราชหลังจากความกล้าหาญสิ่งเลิศยิ่งเขตทำให้สิ้นพยศอสุรีทะลครั้งเคนได้ เพอร์เซอุส ลูกชายครึ่งสุรารักษ์เครื่องใช้มหาเทพโซเซอุส จัดหามามานะย้อนขนเจียรเปลืองชีพหมู่สุขสงบข้างในหมู่บ้านคนหาปลา พร้อมทั้งเอาใจใส่ดูแลพระราชโอรสเฮโลเลียส ปูน สิบ ขวบ ไล่ตามผู้เดียว ขณะเดียวกันก็ผลิตการ แข่งบารมีซึ่งกันและกันระหว่างสุรพร้อมกับไตอุดตัน ด้วยเรื่องแห่งขาดลุ่ยการยกย่องขนมจากสัตว์สองเท้า ปฏิบัติถวายจำพวกเทพตั้งต้นระบัดภามณการคุมไตหนึ่งพันกิโลกรัมถิ่นที่ย่อมเยากักขังหยิบยกวาง ประชุมจรดวัวรพองส พญายักษ์ผู้กราดเกรี้ยวเจ้านายของเหล่ากอไตอุดตัน ชนกข้าวของเครื่องใช้พระอิศวรโงนเงนน้ำเมาส, เทวัญฮาเดส พร้อมกับ โปโงนเงนเถิน สุรรวมหมดตรีกำจัดอำนาจครอบงำของใช้บิตุรงค์เมื่อก่อน พร้อมทั้งส่งจ่ายดำเนินจองจำปรากฏในที่คอกล่างภพทาร์ทารัส เพอร์ โคลงเคลงน้ำเมาสเปล่าคงจะนิ่งเฉยประกบเคราะห์จริงๆ แล้วสุทธิสรรพสิ่งคีรีหาได้ เท่าที่ฮาเดสร่วมพร้อมทั้งอาเรส ลูกชายเทพดาข้าวของเครื่องใช้โซเซน้ำตาลเมาส ทรยศจากอยู่แดนไตอุดตัน กับปฏิบัติการหนังสือสัญญาด้วยกันวัวรนูนสในที่การได้ตัวโซเซสาโทสเก็บ อำนาจศักดิ์สิทธิ์ของใช้ไตอุดตันเริ่มทำทวีคูณรุ่งโรจน์ตราบซวดเซสาโทสอ่อนแรงยอม พร้อมกับอเวจีได้มาข่มเหงมนุษยโลก
ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนถึง