วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

movie about history

ความสำคัญ

อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
กำเนิดในลุ่มแม่น้ำสองสาย คือ ไทกริสและยูเฟรติส เป็นแหล่งอารยธรรมแรกของโลก เมื่อประมาณ 3500 ปี ก่อนคริตศักราชมีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลมผืนใหญ่ทอดโค้งจากฝั่งทะเลด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจรดอ่าวเปอร์เซียจึงมีสมญานามว่า “ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์”ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทำให้ชนเผ่าต่างๆ เข้ามาตั้งถิ่นฐานมาก

ชนเผ่าสุเมเรียน
เป็นชนเผ่าแรกที่เข้าครอบครอง และทำการก่อสร้างระบบชลประทานเป็นชาติแรก สังคมของสุเมเรียนยกย่อง เกรงกลัวเทพเจ้า นิยมก่อสร้างศาสนสถานเรียกว่า “ซิกกูแรต” สร้างด้วยอิฐตากแห้งชาวสุเมเรียน เป็นกลุ่มแรกที่ประดิษฐ์อักษร ได้แก่ อักษรลิ่ม หรือ “คูนิฟอร์ม” cuneiform นักประวัติศาสตร์จึงนับเอาเป็นเกณฑ์ในการแบ่งยุคประวัติศาสตร์

ชนเผ่าอามอไรต์ 
ชาวอามอไรต์ Amorite ได้ตั้ง อาณาจักรบาบิโลเนีย Babylonia  ขึ้นมา การปกครองแบบรวมศูนย์ การจัดเก็บภาษี การเกณฑ์ทหารสมัยพระเจ้าฮัมมูราบี ( 1792-1745 B.C.) ได้มี “ประมวลกฎหมายฮัมมุราบี” เป็นลายลักษณ์อักษร จารึกแผ่นศิลา ยึดถือหลัก ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในการลงโทษ

ชนเผ่าฮิตไทต์ 
เข้ายึดครองแทนในดินแดนแถบนี้ เมื่อ 1590 B.C.เป็นชนโบราณที่พูดภาษาตระกูลอินโดและก่อตั้งอาณาจักรที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ฮัตทูซาก็รุ่งเรืองถึงจุดสูงสุดโดยอาณาบริเวณที่ครอบคลุมตอนกลางของอานาโตเลีย ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียไปจนจรดอูการิต (Ugarit) และตอนเหนือของเมโสโปเตเมีย 

ชนเผ่าคัสไซต์

อพยพมาจาก เทือกเขาซากรอส เข้าครอบครองต่อ และมีอายุยาวนานต่อเนื่องกว่า 400 ปี เป็น


ชนเผ่าอัสซีเรีย
พวกอัสซีเรียน ได้เข้ายึดครองกรุงบาบิโลน มีศูนย์กลางที่ นิเนเวห์ ตั้งจักรวรรดิอัสซีเรีย Assyrianสมัยพระเจ้าอัสชูร์บานิปาล 668-629 B.C. อัสซีเรียมีความเจริญขีดสุด

 ชนเผ่าคาลเดีย
 เผ่าคาลเดียน  Chaldean  เข้ายึดครองนิเนเวห์สำเร็จ สถาปนากรุงบาบิโลนขึ้นใหม่สมัยพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ 605-562 B.C. สามารถตีเยรูซาเลม และกวาดต้นเชลยมาเป็นจำนวนมาก ได้สร้าง “สวนลอยแห่งบาบิโลน” Hanging Gardens of Babylonชาวคาลเดียน เป็นชาติแรกที่นำเอาความรู้ด้านดาราศาสตร์มาพยากรณ์โชคชะตามนุษย์ และยังสามารถคำนวณด้านดาราศาสตร์ได้อย่างแม่นยำ

พระเจ้าไซรัสมหาราช แห่งเปอร์เซีย
เข้ายึดครอง และผนวกเข้ากับจักรวรรดิ์เปอร์เซีย ทำให้ประวัติศาสตร์แถบเมโสโปเตเมียสิ้นสุดลง

ชนชาติอื่นในเอเชียไมเนอร์ ดินแดนที่อยู่ระหว่าง ทะเลดำ กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 

ฟินิเชียน
เชี่ยวชาญในการเดินเรือทะเล มีเมืองท่าคือ ไทร์ และไซดอน ค้าขายจนถึงตอนเหนือแอฟริกา (เมืองคาร์เทจ Carthage)จากการเปิดกว้างของวัฒนธรรม ทำให้ชาวฟินิเชียนดัดแปลงตัวอักษร เฮียราติก และคูนิฟอร์ม มาเป็น “อัลฟาเบต” Alphabet ต่อมากลายเป็นต้นแบบของภาษากรีก ละติน ชาติตะวันตก และตะวันออก อื่น ๆ ด้วย
  
ฮีบรู
ถูกจับเป็นทาสที่อียิปต์ ต่อมา “โมเสส” เป็นผู้ช่วยปลดแอก แล้วอพยพไปตั้งถิ่นฐานที่ปาเลสไตน์ Canaanเนื่องจากเป็นชาติที่ไม่เข้มแข็งเรื่องการทหาร จึงถูกชนเผ่าอื่นครอบครองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเกิดเป็นประเทศอิสระ ชื่อว่า “อิสราเอล”มรดกตกทอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้แก่ “คัมภีร์ไบเบิ้ล” ถือเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของโลก รวมไปจนถึง
                                                        การเป็นต้นกำเนินศาสนาคริสต์ และอิสลาม
เรื่องย่อ 
เรื่องราวของสองมหาบุรุษแห่งอาณาจักรอียิปต์ ที่เติบโตมาด้วยกันจนเป็นเหมือนพี่น้องต่างสายเลือด “โมเสส” ชายผู้สืบเชื้อสายมาจากชาวอิสราเอล อดีตเด็กชายที่ถูกเก็บมาเลี้ยงจากริมแม่น้ำไนท์โดยพระธิดาฟาโรห์ และ “ราเมเสส” ผู้สืบเชื้อสายมาจากฟาโรห์แห่งอียิปต์โดยตรงภายใต้ยุคสมัยที่อียิปต์เรืองอำนาจ ชาวยิวมากมายตกเป็นทาสและถูกข่มเหงกดขี่มากว่า 400 ปี “โมเสส” บุรุษผู้ไม่เคยลืมสายเลือดของตัวเอง ได้รู้ความจริงถึงการกำเนิดของตนเองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคำทำนายที่จะนำไปสู่การปลดปล่อยชาวยิวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด โดยคำบัญชาของพระเจ้าโมเสสจำเป็นต้องช่วยเหลือชาวยิวทั้งหมดออกจากอียิปต์ไปยังดินแดนคันนาอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนั่นไม่ต่างจากการทรยศบ้านเกิดที่เขาเติบโตมา เรื่องราวนำไปสู่ความขัดแย้งและการต่อสู้ของสองบุรุษที่เคยสนิทสนมกันเช่นพี่น้องทูยา (Tuya)สงครามการต่อสู้เกิดขึ้น แต่โมเสสไม่ได้ต่อสู้กับกองทัพอันยิ่งใหญ่ของอียิปต์อยู่เพียงลำพังเท่านั้น เมื่อพระเจ้าอยู่เคียงข้างเขา และนั่นนำมาสู่ภัยพิบัติต่างๆ แก่ชาวอียิปต์ ไม่ว่าจะเป็นพายุลูกเห็บ แม่น้ำสีเลือด รวมไปถึงคลื่นยักษ์ จากทะเลแหวก ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาที่โมเสสจะต้องนำพาชาวยิวให้รอดพ้นจากการตามล่าของเหล่าทหาร เอ็กโซดัส ก็อดส์ แอนด์ คิงส์
 ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนถึง ความเชือเกียวกับพระเจ้าทีต่างกันระหว่างโมเสสกับ“ราเมเสส สะท้อนถึงอารยรรมของอียิปต์ในการใช้ชีวิตในแม่น้ำไนล์และการที่ชาวอียิปต์จับชาวยิวมาเป็นทาศแสดงถึง ความโหดร้ายของอียิปต์ต่อชาวยิว และสิ่งก่อสร้างของอียีปต์ที่เจรีญและอารยะรรมของชาวเมโสที่อยู่อย่างชนบทใช้ชีวิตอยู่รวมกับธรรมชาติพระเจ้าที่ชีทางโมเสสนำทางชาวยิวข้ามทะเลแดงสู่บ้านนั้น คือพระเจ้าจะช่ายเหลือคนดีและลงโทษคนไม่ดี 
















  


อารยธรรมอียิปต์
อารยธรรมที่มีความยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลกที่มีถิ่นกำเนิดในดินแดนใกล้เคียงกับอารยธรรมเมโสโปเตเมีย คือ อารยธรรมอียิปต์ อารยธรรมอียิปต์เป็นอารยธรรมที่รู้จักกันอย่างกว้างขว้างและมีผลต่อพัฒนาการทางความคิดในหลายๆ ด้าน เนื่องจากมีมรดกทางสถาปัตยกรรม เช่น ปิรามิดและแนวความคิดและความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาและปรัชญาอีกด้วย อียิปต์โปราณตั้งอยู่ระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออก โลกตะวันตกคือดินแดนที่อยู่รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนโลกตะวันออก ได้แก่ ดินแดนเมโสโปเตเมียและดินแดนในแถบลุ่มแม้น้ำสินธุ ทิศเหนือของอียิปต์จรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทิศตะวันตกติดกับทะเลทรายซาฮารา ทะเลทรายลิเบีย และทะเลทรายนูเบียทางทิศตะวันออก ถัดไปคือ ทะเลแดง ทิศใต้จรดประเทศนูเบียหรือซูดานในปัจจุบัน อียิปต์เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากมีพื้นที่ตั้งอยู่บนสองฟากฝั่งแม่น้ำไนล์ แม่น้ำไนล์มีลักษณะที่ต่างไปจากแม่น้ำอื่นๆ คือ ทอดตัวไหลจากภูเขาทางตอนใต้ลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนเหนือ มีผลต่อการดำเนินชีวิตของชาวอียิปต์โบราณ มีนคือเส้นทางคมนาคมสายหลักและเป็นเสมือนเข็มทิศในการเดินทาง โดยใช้ร่วมกับทิศทางการขึ้นและตกของดาวอาทิตย์ ชาวอียิปต์แบ่งช่วงแม่น้ำไนล์เป็น 2 ช่วง คือ ต้นน้ำทางตอนใต้เรียกว่า “อียิปต์บน” (Upper Egypt) และปลายแม่น้ำในดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำทางเหนือว่า “อียิปต์ล่าง” (Lower Egypt)
ยุคราชวงศ์เริ่มแรก อยู่ในช่วง 3100-2686 ปีก่อนคริสตกาล โดยเริ่มตั้งแต่พระเจ้าเมเนส รวบรวมเมืองต่างๆ ได้ทั้งในอียิปต์ล้างและอียิปต์บนเข้าเป็นอาณาจักรเดียวกัน และเข้าสู่ราชวงศ์ที่ 1 และ 2 ยุคนี้เป็นยุคการสร้างอียิปต์ให้มีความเป็นปึกแผ่นเข็มแข็ง ยุคราชวงศ์เก่า อยู่ในช่วง 2686-2181 ก่อนคริสตกาล โดยเริ่มจากราชวงศ์ที่ 3 อียิปต์ประสบความวุ่นวายทางการเมือง มีการย้ายเมืองหลวงไปตามเมืองต่างๆ แต่หลังจากนั้นก็มีราชวงศ์อียิปต์ปกครองต่อมาอีก 2 ราชวงศ์ คือ ราชวงษ์ที่ 9 และ 10 ในยุคนี้อียิปต์มีฟาโรห์ปกครองเริ่มตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 3 ถึงราชวงศ์ที่ 6 ราชวงศ์ที่โดดเด่นในสมัยนี้คือ ราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งมีการสร้างปิรามิดที่ยิ่งใหญ่มากมายโดยเฉพาะมหาปิรามิดของฟาโรห์คูฟูที่เมืองเซห์ ซึ่งสร้างขึ้นประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสตกาล อียิปต์ในยุคนี้ถือว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่ง และการสร้างสรรค์ความเจริญในยุคนี้ได้เป็นรากฐานและแบบแผนของความเจริญของอียิปต์ในสมัยราชวงศ์ต่อๆ มา

เรื่องย่อ
นังเกิดขึ้นในสมัยอียิปต์ปี 1290 ก่อนคริสศักราช เมื่อ นักบวชอิมโฮเทป(Imhotep) มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับสนมอนัคซูนามุน ( Anck Su Namun)ของฟาโรห์เซติที่1 เมื่อความลับเปิดเผยทั้งสองจึงร่วมมือกันสังหารฟาโรห์ จากนั้นอนัคซูนามุนก็ฆ่าตัวตายโดยหวังไว้ว่าอิปโฮเทปจะชุบชีวิตนางคืน หลังจากการฟังศพของอนัคซูนามุน อิปโฮเทปก็ได้ขโมยศพของนางไป ทั้งเขาและลูกน้องนักบวชหนีข้ามทะเลทรายไปที่ฮามันพัตราและพวกเขาได้เริ่ม ต้นพิธีชุบชีวิตของนางอนัคซูนามุนแต่พวกเขาถูกทหารองค์รักษ์ของฟาโรห์เซติขัดขวางก่อน ที่พิธีจะเสร็จ และด้วยความผิดนักบวชและอิปโฮเทปก็ถูกทำให้กลายเป็นมัมมี่ทั้งเป็นและถูกสาปไม่ให้ไปผุดไปเกิด พร้อมฝังด้วงกินเนื้อ เขาถูกฝังในโลงหินใต้รูปปั้นของเทพอนูบิส การดูแลอยู่ภายใต้ทหารผู้มีเชื้อสายขององครักษ์ฟาโรห์เซติ แต่ถ้าอิมโฮเทปคืนชีพอีกครั้งจะทำให้เขาเป็นอมตะ และจะปลดปล่อยสิ่งชั่วร้ายออกมา ทำลายล้างโลก






 ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนถึง
ความเชื่อของอียิปต์เกี่ยวกับชีวิตหลังความตายในหนังได้กล่าวถึงเทพแห่งความตายนั้นคืออนูบิสและความเชือเกียวกับแมวที่ปกป้องบ้านจากสี่งชั่วร้ายและปีศาจ และการทำมัมมี่กับคนที่ทำผิดโดยการ ตัดลิ้น ด้วงกินศพ และ สาป และในหนังเรืองนี้ทำให้ได้เห็นคนสมัยอียิปต์โบราณทำกลไกรทีคอยลงโทษคนที่และหลุมศพ แสดงว่า คน สมัยนั้นรู้จักประดิษกลไกรต่างๆ












อารยธรรมของกรีก
อารยธรรมกรีกที่เป็นมรดกตกทอดมาถึงปัจจุบันนี้ประกอบด้วยอารยธรรมหลัก 2 ส่วน อารยธรรมของชาวกรีกโบราณหรืออารยธรรมเฮลเลนิกและ อารยธรรมเฮลเลนิสติกซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กรีกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิมาซิโดเนีย (Macedonia) และเป็นอารยธรรมที่ผสมผสานกับความเจริญที่รับจากดินแดนรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปัจจัยที่สำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดอารยธรรมกรีกโดยรวม คือ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ชาวกรีกโบราณ และระบอบนครรัฐกรีกชาวกรีกโบราณ ชาวกรีกโบราณเรียกตัวเองว่า  “เฮลลีน” (Hellene) เป็นพวกอินโด-ยูโรเปียนกลุ่มหนึ่งที่อพยพมาจากทางตอนเหนือของประเทศกรีซปัจจุบันเมื่อประมาณ 2000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในระยะแรก กระจายอยู่เป็นเผ่าต่างๆ ในคาบสมุทรบอลข่านและเขตทะเลอีเจียน ที่สำคัญได้แก่ พวกไอโอเนียน (Ionians) และพวกไมซีเนียน (Mycenaeans) โดยทั่วไปชาวกรีกโบราณประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเดินเรือ ต่อมาเผ่าที่มีความเจริญได้ขยายอำนาจและก่อตั้งเป็นนครรัฐ ที่สำคัญได้แก่นครรัฐของพวกไมซีเนียนซึ่งยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ และมีอำนาจสูงสุดประมาณปี 1600-1100 ก่อนคริสต์ศักราช โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองไมซีเนทางตอนใต้ของประเทศกรีซในปัจจุบัน พวกไมซีเนียนเป็นนักรบที่มีความเก่งกล้าสามารถยึดครองดินแดนของนครรัฐอื่นๆ รวมทั้งเกาะครีต และรับอิทธิพลของอารยธรรมต่างๆ โดยเฉพาะอารยธรรมไมนวนของชาวเกาะครีต ศิลปกรรม ความเจริญด้านศิลปกรรมเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของอารยธรรมกรีกซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบของงานศิลปกรรมของโลก ส่วนใหญ่เป็นงานสร้างสรรค์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความศรัทธาทางศาสนา โดยสร้างขึ้นเพื่อแสดงความเคารพบูชาและบวงสรวงเทพเจ้าของตน ผลงานที่ได้รับการยกย่องมีจำนวนมากที่สำคัญได้แก่ ด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และศิลปะการแสดงด้านสถาปัตยกรรม ชาวเอเธนส์ได้สร้างสรรค์งานด้านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นให้แก่ชาวโลกจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างอาคารเพื่อกิจกรรมสาธารณะ เช่น วิหาร สนามกีฬา และโรงละคร ความโดดเด่นของงานสถาปัตยกรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับความใหญ่โตของสิ่งก่อสร้าง แต่เป็นความงดงามของสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น วิหารพาร์เทนอน (Parthenon) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาอะโครโพลิส (Acropolis) เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีสัดส่วนงดงามทั้งความยาว ความกวว้างและความสูง จัดว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของโลก เทพโอลิมปัสเป็นเทพที่อาศัยบนยอดเขาโอลิมปัส (Olympus) มีทั้งหมด 12 องค์ แต่ถ้านับอย่างถี่ถ้วนจะมีทั้งสิ้น 16 องค์ 

  

เรื่องย่อ
เหล่าทวยเทพกำลังสูญเสียพลังอำนาจ อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาทุกขณะ ความเชื่อที่ว่าเหล่าไททันส์จะถูกจองจำอยู่ในคุกทาทารัสตลอดไปนั้นไม่เป็นจริงอีกต่อไป ตอนนี้พวกมันกำลังจะเป็นอิสระ เพื่อสร้างความโกลาหลให้เกิดวันโลกาวินาศ สร้างความหวั่นใจให้กับเหล่าเทพทั้งหลาย เทพซีอุสบิดาแท้ๆของเพอร์ซีอุสขอให้เพอร์ซีอุซเข้าช่วยเพราะความเดือดร้อนนี้ไม่ได้บังเกิดแค่กับเหล่าทวยเทพเท่านั้น โลกมนุษย์อาจถึงกาลอวสาน ร้อนมือถึงเพอร์ซีอุสที่ต้องปกป้องและโค่นไททันส์ให้สำเร็จจงได้ หลังจากใช้ชีวิตเป็นชาวประมงอย่างเงียบสงบมาอย่างยาวนานหลายปี เรื่องสิ่ง ขอบเขตนี้ตกว่า Wrath of The Titans ทศศักราชหลังจากความกล้าหาญสิ่งเลิศยิ่งเขตทำให้สิ้นพยศอสุรีทะลครั้งเคนได้ เพอร์เซอุส ลูกชายครึ่งสุรารักษ์เครื่องใช้มหาเทพโซเซอุส จัดหามามานะย้อนขนเจียรเปลืองชีพหมู่สุขสงบข้างในหมู่บ้านคนหาปลา พร้อมทั้งเอาใจใส่ดูแลพระราชโอรสเฮโลเลียส ปูน สิบ ขวบ ไล่ตามผู้เดียว ขณะเดียวกันก็ผลิตการ แข่งบารมีซึ่งกันและกันระหว่างสุรพร้อมกับไตอุดตัน ด้วยเรื่องแห่งขาดลุ่ยการยกย่องขนมจากสัตว์สองเท้า ปฏิบัติถวายจำพวกเทพตั้งต้นระบัดภามณการคุมไตหนึ่งพันกิโลกรัมถิ่นที่ย่อมเยากักขังหยิบยกวาง ประชุมจรดวัวรพองส พญายักษ์ผู้กราดเกรี้ยวเจ้านายของเหล่ากอไตอุดตัน ชนกข้าวของเครื่องใช้พระอิศวรโงนเงนน้ำเมาส, เทวัญฮาเดส พร้อมกับ โปโงนเงนเถิน สุรรวมหมดตรีกำจัดอำนาจครอบงำของใช้บิตุรงค์เมื่อก่อน พร้อมทั้งส่งจ่ายดำเนินจองจำปรากฏในที่คอกล่างภพทาร์ทารัส เพอร์ โคลงเคลงน้ำเมาสเปล่าคงจะนิ่งเฉยประกบเคราะห์จริงๆ แล้วสุทธิสรรพสิ่งคีรีหาได้ เท่าที่ฮาเดสร่วมพร้อมทั้งอาเรส ลูกชายเทพดาข้าวของเครื่องใช้โซเซน้ำตาลเมาส ทรยศจากอยู่แดนไตอุดตัน กับปฏิบัติการหนังสือสัญญาด้วยกันวัวรนูนสในที่การได้ตัวโซเซสาโทสเก็บ อำนาจศักดิ์สิทธิ์ของใช้ไตอุดตันเริ่มทำทวีคูณรุ่งโรจน์ตราบซวดเซสาโทสอ่อนแรงยอม พร้อมกับอเวจีได้มาข่มเหงมนุษยโลก

    

 ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนถึง

ถึงเทพจะมีผลังอำนาจมากแต่สูดท้ายก็ต้องตายจากไป แม้แต่ซุสก็เช่นกัน ในหนังเรืองนี้เทพก็มีความรู้สึก รัก โกรธ แค้น หลง เหมือนคนทำให้ตัดสินใจผิด เหมือนเทพฮาเดส ในหนังเราได้เห็นผู้คนประกอบอาชีพประมง และทฎบ้านจากหินและหญ้าแห้ง และได้เห็นสัตว์ในตำนานกรีกมากมายที่มาขัดขวางการเดินทางของตัวเอกและสถาปัตยกรรมของกรีกที่เห็นมีอญู่มากในหนังเร์องนี้